look at arty

look at arty

ดาวพฤหัสย้าย 2559 ดวงเมืองเปลี่ยน ดวงคุณจะดีหรือร้าย????

 ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ รับปี 2559 “หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา” หมอดูชื่อดังระดับประเทศ ผู้ที่เก่งทางด้านเก็บสถิติจะมาแนะนำวิธีเสริมดวงทั้ง 12 ราศีแบบเจาะลึกทั้งราศีที่จะดวงดีที่สุดยกให้เป็น “ราศีกันย์” เพราะดาวที่ส่งผลร้ายได้ย้ายออกไปหมดแล้ว ส่วน “ราศีสิงห์” เตรียมปูเสื่อรอเพราะเป็นเจ้าภาพต้อนรับราหูเข้ามาประจำการ และ “ราศีมีน” เป็นราศีที่โชคดีอันดับที่ 2 ดวงจะเด่นเรื่องความรักจนคนรอบข้างอิจฉา “ราศีเมษ-ราศีพฤษภ” ระวังจะแตกหักกับเพื่อนจนกลายเป็นศัตรูอีกด้วย

ราศีเมษ (ช่วงวันที่ 14 เมษายน - 14 พฤษภาคม)

       “เป็นราศีที่ดาวมฤตยูเข้า ฟังชื่อก็เซ็งแล้วดาวดวงนี้ ต้องบอกว่าเป็นราศีที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดในปี 2559 ใครอยู่ราศีเมษอย่าเพิ่งตกใจนะ ดาวดวงนี้เป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง ดาวแห่งนวัติกรรมแห่งวิวัฒนาการเพราะฉะนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเพียงแต่ว่าดวงเวลาเขาเลือกให้เราเปลี่ยนเนี่ย เราไม่รู้เขาเลือกเรื่องอะไรให้เรา สิ่งที่จะแนะนำชาวราศีเมษคือต้องเปลี่ยนตัวเองก่อน เปลี่ยนลุคส์ใหม่ก็ได้ เปลี่ยนแว่น เป็นสีผม จึงแนะนำการทำบุญที่เกี่ยวกับการบริจาคค่าไฟ เติมน้ำมันตะเกียง และการทำบุญที่เหมาะสมกับพื้นฐานดวง คือการไปไหว้ขอพรที่ศาลหลักเมือง หรือคนที่อยู่ต่างจังหวัดอาจจะไปไหว้ศาลหลักเมืองบ้านเกิดของตัวเองก็ได้ บางจังหวัดไม่มีศาลหลักเมือง อาจจะเป็นในจุดที่มีการบูชาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองก็ได้เช่นกัน”

  ราศีพฤษภ (ช่วงวันที่ 15 พฤษภาคม -14 มิถุนายน) 
       “เตือนเรื่องความขัดแย้ง เป็นราศีที่มีความขัดแย้งสูงมาก โดยเฉพาะในช่วงต้นปี ทะเลาะกับเพื่อน ทะเลาะกับหุ้นจจส่วน คือตีเขาไปหมดเลยต้องระมัดระวัง อาชีพที่อยู่กับการซ่อมแซมทั้งหลายจะดีพวกนี้จะเหมาะ แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่ในอาชีพเหล่านั้นก็ต้องดูให้มากขึ้น พฤษภเป็นราศีที่เจอพระเสาร์มาตั้งแต่ปี 2558 สงกรานต์ไปแล้วถึงจะเริ่มดีขึ้นสงกรานต์แล้วดวงจะเริ่มเปลี่ยนเป็นราศีที่เหมาะกับการลงทุน ช่วงต้นปีศึกษาหาข้อมูลเตรียมตัวไว้เถอะ แต่ว่าพอสงกรานต์ไปแล้วอยากจะเปิดอยากจะเริ่มทำอะไรเพิ่มเติมมีโอกาสที่ดี จึงควรทำบุญด้วยการปล่อยปลา การปล่อยสัตว์น้ำ เพราะพระเสาร์เปรียบเสมือนพญานาค การปล่อยสัตว์น้ำจะช่วยเสริมดวงให้คุณได้เป็นอย่างดี โดยมีจำนวนตัวเลขกำลังของพระเสาร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ เลข 7 หรือ เลข 10 เช่น ปล่อยปลา 7 ตัว, 10 ตัวหรือ7 กิโล 10 กิโลเป็นต้นนอกจากนี้ควรจะมีการถวายสังฆทานและมีพระพุทธรูปปางนาคปรกถวายร่วมไปด้วยจะเป็นการเสริมดวงให้มีพลังที่ดีในเรื่องงานที่มากขึ้น”

       
 ราศีเมถุน (ช่วงวันที่ 15 มิถุนายน - 16 กรกฎาคม)

       “เป็นราศีที่ดวงดีแต่จะเหมาะกับบางอาชีพ เช่นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเจรา งายขาย การพูด ถ้าราศีนี้ดวงดี เพราะว่าดวงเนี่ยมีสังคมที่กว้างขึ้น ปี 2559 เจอสังคมใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ เชื่อว่าน่าจะเป็นการเพิ่มยอดขายหรืออะไรที่ดีมากขึ้น เรื่องที่ไม่ดีที่ต้องเตือน ในเชิงของเพื่อนมิตรอาจจะกลายเป็นศัตรู บางทีเพื่อนที่ดูหวังดีอาจจะมาแทงข้างหลังเรา ดวงการเงินของชาวราศีเมถุนจะมีความผูกพันกับเรื่องของพระจันทร์ ดังนั้นในช่วงที่เป็นวันพระใหญ่ หรือวันที่พระจันทร์เต็มดวง ถือว่าเป็นวันที่คนราศีเมถุนควรต้องตั้งใจไปทำบุญ นอกจากนี้ถ้ามีโอกาสไปร่วมงานอุปสมบทหรือในช่วงเทศกาลที่มีการบวชเณร บวชพระ ก็จะส่งผลดีต่อชาวราศีเมถุน”

  ราศีกรกฎ (ช่วงวันที่ 17 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม)

       “เป็นราศีของการบริหารจัดการ อย่างคนเป็นนายกเนี่ยไปดูสถิตินะอย่างน้อย 3 คน เกิดราศีนี้ทั้งนั้นเลย กรกฏเป็นราศีที่มีเกณฑ์เสียเงินเยอะที่สุด ข่าวดีคือมีเงินมาให้เสีย มันหาได้เยอะ แต่ก็มีรายจ่ายเยอะ บางคนอาจจะเป็นลักษณะของการลงทุน ขยับขยายได้มา แต่ไม่ได้เป็นปีของการออมเงิน เป็นราศีที่มีเรื่องการใช้เงินเยอะ แนะนำอีกอย่างหนึ่งคือการเสียเงินที่ดีเลยคือการทำบุญ ใครเกิดราศีนี้แพลนไว้เลย 12 เดือนจะไปทำบุญแบ่งจ่ายไป ให้มันมีเรื่องเสียเงินทุกเดือน เรื่องเสียเงินอย่างอื่นมันจะได้ไม่เกิดขึ้น จะมีกระแสความวุ่นวายเข้ามา และมีดวงเปลี่ยนงานสูง ดังนั้นชาวราศีกรกฎต้องเน้นการทำบุญอย่างสม่ำเสมอ นี้ ต้องตั้งใจในการทำบุญไปตลอดทั้งปีและยังแนะนำการทำบุญช่วยเหลือคนที่ไร้บ้าน ไร้ที่อยู่อาศัย เช่น การช่วยเงินบริจาคเงินช่วยในการก่อสร้างอาคารสถานที่ที่เป็นอาคารสาธารณประโยชน์ ถือว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และส่งกลับมาถึงดวงชะตาราศีกรกฎได้เป็นอย่างดี”

 ราศีสิงห์ (ช่วงวันที่ 17 สิงหาคม - 16 กันยายน)

       “เคลียร์คิว 16 มกรา 59 ราหูเข้า นี่เป็นเจ้าภาพของดาวราหูเข้าที่ราศีสิงห์โดยตรง อย่าตกในพระราหูอยู่กับเราประมาณปีครึ่ง อาชีพนักแสดง พระราหูเขาเนี่ยดังกันทุกคน ราหูเป็นดาวแห่งชื่อเสียง ชื่อเสียงลบ ชื่อเสียงบวก เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เกิดในราศีสิงห์ สโลแกนของปี 2559 คือ “รวยไม่รู้เรื่อง ดังไม้รู้ตัว” แต่ว่าดวงพอเจอพระราหูเป็นเจ้าภาพเราก็ต้องกลัวเรื่องทุกข์ลาภ ทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างรวมถึงการเดินทางที่มากขึ้น จึงควรทำบุญเกี่ยวกับพระราหู โดยเน้นการสวดมนต์ในวันพุธกลางคืนเป็นประจำ และหมั่นทำบุญบริจาคเกี่ยวกับแสงสว่างด้วย เช่น การบริจาคหลอดไฟ ค่าไฟ การเติมน้ำมันตะเกียง หรือถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษาก็หาโอกาสไปทำบุญถวายเทียนพรรษา”

 ราศีกันย์ (ช่วงวันที่ 17 กันยายน - 17 ตุลาคม)

       “นี่คือราศีที่ดวงดีที่สุดในปี 2559 นอกจากพฤหัสจะเข้า ดาวร้ายๆ ยังย้ายไปหมด ชีวิตพลิกเลย ราศีกันย์ผมเตือนมาในปี 2558 เยอะมาก ปี 59 ดีมาก ข้ามหน้าข้ามตา ใครตั้งใจที่เริ่มอะไรใหม่ๆ ในชีวิต บ้านใหม่ รถใหม่ สิ่งใหม่ๆ จะเกิดขึ้น ดวงเป็นตัวบอกว่าอะไรรอคุณอยู่ สิ่งดีๆ มารออยู่หน้าบ้าน แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่าดวงจะสบาย เราต้องเอาตัวเราเองไปหาโชคนั้นด้วย และก็ควรทำบุญให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำบุญเกี่ยวกับการศึกษาโรงเรียน บริจาคหนังสือให้ทุนการศึกษา หรือทำบุญที่เกี่ยวข้องกับคนมากๆเช่นทอดกฐิน,ทอดผ้าป่าจะช่วยเสริมดวงราศีกันย์ให้มีการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆได้ราบรื่น”

ราศีตุลย์ (ช่วงวันที่ 18 ตุลาคม - 16 พฤศจิกายน)

       “เป็นหนึ่งในราศีที่มฤตยูเข้า มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ โดยเฉพาะเรื่องคู่ คู่มีหลายแบบบางคนคู่หุ้นส่วน คู่สัญญาในปี 2559 ต้องดูหน่อย คือต้องบอกว่าราศีนี้ครึ่งปีแรกดีนะครับ เรื่องโชคนี่ดี แต่ว่าตุนตุนไว้ ตุนสมชื่อเพราะว่าครึ่งปีหลังมันเหนื่อยขึ้นผู้หลักผู้ใหญ่ ความช่วยเหลืออะไรต่างๆ มันจะลดน้อยลง การทำบุญที่เหมาะกับราศีตุลย์ซึ่งเป็น ราศีธาตุลมต้องเน้นการทำบุญเกี่ยวกับการถวายระฆัง หรือถวายอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้ในวัด เช่น ลำโพง ไมโครโฟนหรือการไปร่วมหล่อ หรือไปทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้า เลี้ยงอาหารและบริจาคของให้เด็กจะช่วยเสริมบารมีให้ราศีตุลย์ได้มากขึ้น”

 ราศีพิจิก (ช่วงวันที่ 17 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม)

       “ราศีพิจิกถ้าจะแต่งงานต้องเป็นปุ๊บปั๊บทันที ต้องเป็นแนวเซอร์ไพร์ส ฟ้าแล่บ พิจิกต้องฝากเตือนสุขภาพโดยเฉพาะช่วงต้นปี มกรา กุมภามันเป็นราศีที่มีเกณฑ์ในการเข้าโรงพยาบาล ผ่าตัด ต้องดูแลครับ เรื่องงานไม่ค่อยห่วง ดวงเรื่องความรักดีไปถึงปี 60 และดวงในปีนี้ของราศีพิจิก เกี่ยวพันกับดาวเสาร์และยังต้องระวังปัญหาเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุ จึงแนะนำการทำบุญที่เกี่ยวกับการบริจาคโลงศพ และควรทำบุญด้วยการปล่อยปลา การปล่อยสัตว์น้ำ เพราะดาวเสาร์เปรียบเสมือนพญานาคตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ ดังนั้นการทำบุญเกี่ยวกับสัตว์น้ำจะเหมาะกับดวงชะตา โดยมีตัวเลขที่เป็นเลขกำลังของพระเสาร์ คือ เลข 7 หรือเลข 10”

ราศีธนู (ช่วงวันที่ 16 ธันวาคม - 14 มกราคม)
       “เป็นราศีที่มีโชคจากทางไกล เน้นเรื่องการเดินทาง ใครที่ทำเรื่องค้าขายสมมุติลูกค้าอยู่จังหวัดนี้ ปี 59 ก็ต้องไกลขึ้นไปอีกจะดี ขยายเขต หรือคนที่มาจากทางไหลมาติดต่อเราแบบนี้จะเหมาะกับราศีธนู หรือว่าใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนโอกาสแห่งการโปรโมท การเปลี่ยนแปลง ก้าวหน้ามีเข้ามา การปรับเปลี่ยน โยกย้าย เปลี่ยนแปลงที่มีเรื่องเกี่ยวกับระยะทางเข้ามา แนะนำให้ทำบุญเกี่ยวข้องกับโรงเรียนหรือ วัด เช่น การช่วยบริจาคเงินช่วยสร้างอาคารที่เป็นสาธารณประโยชน์ หรือการทำบุญในระหว่างเดินทางไกล ต่างที่ต่างถิ่นจะช่วยเสริมดวงให้ดียิ่งขึ้นในปีนี้”
       
       ราศีมังกร (ช่วงวันที่ 15 มกราคม- 12 กุมภาพันธ์)
       “ราศีนี้เรื่องสำคัญเลยคือเรื่องสุขภาพ ต้องเตือนกัน จริงๆ มังกรก็มีประเด็นมาตั้งแต่ปี 58 แล้ว แต่ว่ามันก็จะยาวไปถึงปี 59 ข่าวดีมีเข้ามานะครับ แต่จะอยู่ในช่วงสงกรานต์ไปแล้ว เป็นราศีแห่งความก้าวหน้ามากขึ้น โดยพื้นฐานมังกรเนี่ยเป็นราศีที่เป็นนักคิด ละเอียด รอบคอบ เป็นนักบริหารจัดการ วางแผน ปี 58 เป็นปีที่แคล้วคลาดจากเรื่องดีๆ ปี 59 ช่วงสงกรานต์ไปแล้ว มังกรเตรียมให้พร้อม โอกาส ชื่อเสียง ตำแหน่ง เงินทอง การงานที่ดีขึ้น การทำบุญที่เหมาะกับดวงของราศีมังกรที่เป็นราศีที่มีพลังของธาตุดินในปี 2559 การบริจาคที่ดิน การซื้อที่ดินให้กับวัด หรือบริจาคสิ่งของที่ทำมาจากดิน เช่น กระเบื้อง ช่วยบูรณะกำแพงวัด หลังคาโบสถ์ อาคารสถานที่ และการทำบุญประเภทที่เกี่ยวกับงานก่อสร้าง จะช่วยเสริมความมั่นคงให้กับหน้าที่การงานที่มากขึ้น”
       
       ราศีกุมภ์ (ช่วงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 14 มีนาคม)
       “เป็นราศีที่พระราหูเข้าในปีหน้า(เริ่มเข้า 16 ม.ค 59) คนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับเงาเวลาเจอพระราหูจะดี ดารา นักแสดง นักร้อง หรือการค้าขายของที่ไม่มีหน้าร้าน จับต้องไม่ได้ ออนไลน์ พระราหูเข้านิยามของเราคือความลุ่มหลงด้านบวกเวลาเราทำอะไรก็จะทำแบบจริงจังมากขึ้น คนที่โดนราหูก็จะทำอะไรสิ่งใดสิ่งหนึ่งจริงจังมากขึ้น แง่ไม่ดีราหูเป็นดาวแห่งการเสี่ยงโชค อบายมุก การพนัน พระราหูเข้าก็สามารถเตรียมตัวไหว้ขอพรด้วยตัวเองได้ และราหูเป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวลเพราะจะส่งผลดีเรื่องงานที่เกี่ยวกับต่างประเทศ การทำบุญที่เกี่ยวกับแสงสว่างจะช่วยให้เกิดผลดีจากพระราหูได้ แนะนำให้บริจาคสิ่งของที่เกี่ยวกับการศึกษา การเรียน การให้ความรู้ การให้ปัญญาถือเป็นการให้แสงสว่างแก่จิตใจ หรือการทำบุญเกี่ยวกับแสงสว่าง เช่น การบริจาคค่าไฟ บริจาคหลอดไฟก็จะช่วยเสริมความก้าวหน้าให้ราศีกุมภ์ได้เป็นอย่างดี”
       
       ราศีมีน (ช่วงวันที่ 15 มีนาคม - 13 เมษายน)

       “เป็นราศีที่ดวงดีอันดับที่ 2 ของปี 2559 ดวงดาวร้ายๆ ย้ายออกไปหมดแล้ว ชีวิตเปลี่ยน ชีวิตพลิกไปในทางที่ดีขึ้น ใช้คำว่าพ้นเคราะห์เลย นอกจากสิ่งไม่ดีย้ายออกยังมีสิ่งที่ดีเข้ามา เด่นสุดเลยคือเรื่องความรัก มกราคมอาจจะดีขึ้นเปราะหนึ่ง แต่ขอเลยสงกรานต์ไปแล้ว อย่างที่ย้ำจะดีขึ้นอย่างชัดเจน เรื่องงานจากเดิมเป็นราศีที่มีปัญหาเรื่องงานค่อนข้างเยอะก็จะดีขึ้น ดังนั้นต้องทำบุญโดยมีกำลังดาวพฤหัส คือ เลข 19 ให้มีเลข 1 และ 9 อยู่ในการทำบุญบริจาคเงินด้วย เช่น 119 บาท,1190 บาท หรือเน้นการทำบุญที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือศาสนา โรงเรียน การศึกษา และการถวายของที่เป็นคู่เช่นแจกัน,เชิงเทียน จะส่งผลบวกต่อดวงชะตาเป็นอย่างมาก” 

ฤกษ์ขอเงินจันทร์ วันอมาวสี ปี 2559 นี้มี 13 ฤกษ์






1. วันที่ 10 ม.ค. เวลา 08.29 น.
2. วันที่ 8 ก.พ. เวลา 21.55 น.
3. วันที่ 9 มี.ค. เวลา 09.00 น. (มีสุริยุปราคาเต็มดวง)
4. วันที่ 7 เม.ย. เวลา 18.13 น.
5. วันที่ 7 พ.ค. เวลา 02.17 น.
6. วันที่ 5 มิ.ย. เวลา 09.48 น.
7. วันที่ 4 ก.ค. เวลา 17.56 น.
8. วันที่ 3 ส.ค. เวลา 03.51 น.
9. วันที่ 1 ก.ย. เวลา 17.14 น. (มีสุริยุปราคาวงแหวน)
10. วันที่ 1 ต.ค. เวลา 07.00 น.
11. วันที่ 31 ต.ค. เวลา 00.28 น.
12. วันที่ 29 พ.ย. เวลา 19.07 น.          และครั้งสุดท้ายของปี 2559 นี้คือ
 13.  วันที่ 29 ธ.ค. เวลา 13.51 น.
วิธีไหว้ ถ้าไม่ทราบหรือจำไม่ได้ สามารถดูได้ที่ ฤกษ์ขอเงินพระจันทร์ปี 2557 นะครับ

ช๊อคโกแลต ไม่ได้มีดีแค่ที่อร่อย แต่ยังแก้ไอได้อีกด้วย



ผลการศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นว่า สารในช๊อคโกแลต อาจใช้รักษาอาการไอเรื้อรัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ายาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเสียอีก นอกจากนี้ยังไม่พบผลข้างเคียงดังเช่นยาแผนปัจจุบันอีกด้วย

ผลการศึกษาโดย Imperial College London ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร FASEB journal เผยให้เห็นว่า สาร theobromine ในชอคโกแลต มีฤทธิ์ยับยังการไอได้ดีกว่า codeine ซึ่งเป็นยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันประมาณ 30% และยังไม่มีผลข้างเคียงเช่น ทำให้ง่วงด้วย
Professor Peter Barnes หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า อาการไอมักจะยังคงอยู่อีกหลายอาทิตย์หลังการติดเชื้อไวรัส และรักษาได้ยาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาการที่คนส่วนมากต้องประสบอยู่บ่อยๆ แต่กลับไม่มีการรักษาที่ได้ผลดีเลย และยาที่ใช้อยู่ก็มักจะเป็นตระกูลเดียวกับฝิ่น หรือมอร์ฟีน จึงไม่สามารถให้ยาในขนาดมากๆได้ เพราะจะมีผลข้างเคียง และจริงอยู่ว่าอาการไอเรื้อรังนั้นมักไม่ได้เป็นอันตรายอะไรมากมาย แต่ก็มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ค่อนข้างมาก การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการรักษาอาการไอเลยทีเดียว

นักวิจัยได้ให้อาสาสมัครที่มีสุขภาพปกติ จำนวน10คน ทาน theobromine สารจากโกโก้ หรือ codeine ยาแก้ไอแผนปัจจุบัน หรือ ยาหลอก ในเวลาต่างๆกัน หลังจากนั้นก็ให้อาสาสมัครหายใจอากาศที่มี capsaicin ซึ่งเป็นอนุพันธุ์จากพริก เพื่อกระตุ้นให้เกิดอาการไอ พบว่า คนที่ได้ทาน theobromine ไปก่อน จะต้องใช้ capsaicin มากกว่าคนที่ได้ยาหลอกหรือ codein ประมาณ 1ใน 3เท่า และ codeinมีประสิทธิภาพในการแก้ไอดีกว่ายาหลอกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงจากการใช้ theobromine เช่นที่ codein ซึ่งจัดเป็นสารเสพติดมี ได้แก่ อาการง่วง และท้องผูก หมายความว่า เราจะทาน theobromine เมื่อไรก็ได้ โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าทานแล้วจะง่วงนอน หรือทำงานไม่ได้
อาสาสมัครได้รับ theobromine เทียบได้กับปริมาณในโกโก้สองถ้วย Professor Barnes อธิบายว่า ขั้นต่อไปจะเป็นการศึกษาถึงปริมาณยาที่ต่างๆกันว่าจะมีผลอย่างไร การที่ไม่พบผลข้างเคียงใดๆเลย หมายความว่าเรายังสามารถให้ยาในปริมาณที่มากกว่านี้ได้อีก ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการแก้ไอดีขึ้นไปด้วย
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า theobromine ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของ เส้นประสาท vagus ที่วิ่งผ่านทางเดินหายใจจากปอดสู่สมอง ในขณะที่ capsaicin ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นปลายประสาท vagus ซึ่งทำให้เกิดการไอ

ผลกระทบของการศึกษานี้อาจจะมากกว่าที่เราคิด เนื่องจากผู้ป่วยโรคปอด ก็มักจะมีอาการไอเรื้อรัง และถ้า theobromine สามารถใช้ได้ผลในคนไข้เหล่านี้ด้วย มันก็จะมีประโยชน์อย่างมาก Helena Shovelton หัวหน้า British Lung Foundation กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาถึงรายละเอียดการออกฤทธิ์ของ theobromine มากกว่านี้ ก่อนที่มันจะได้รับการยืนยันให้เป็นยาตัวใหม่ ปัจจุบันตลาดยาแก้ไอมีมูลค่าถึงประมาณ 100ล้านปอนด์ต่อปีในอังกฤษ เป็นเงินที่ใช้ไปกับยาที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดด้วยซ้ำว่ามันใช้ได้ผล!

แหล่งข่าว
-Persistent coughs melt away with chocolate 
http://www.newscientist.com/news/print.jsp?id=ns99996699
-Chocolate could be cough medicine 
http://news.bbc.co.uk/go/pr/fr/-/2/hi/health/4032585.stm

ข้อมูลเพิ่มเติม
-Chocolate in pregnancy keeps baby happy 
http://www.newscientist.com/news/news.jsp?id=ns99994854
-Dark chocolate boosts antioxidant levels 
http://www.newscientist.com/news/news.jsp?id=ns99994101
-ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโกโก้ และ theobromine
http://chemistry.about.com/library/weekly/aa090301a.htm

ที่มา : http://www.vcharkarn.com

ดวงจีนปี 2559 ใครเกิดปีชง ควรรู้


丙申(管仲)


หลักธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติทุกๆปีตามความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์จีนโบราณ จะทำการฝากดวงชะตาต่อองค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ผู้ซึ่งคุ้มครองดวงชะตาประจำในแต่ละปีจร จะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนลงมายังโลกมนุษย์ โดยจะมี 60 องค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ตามหลักวัฎจักรวงจร 六十甲子 (หลักจับกะจื้อ) ประจำในแต่ละปีจนครบ 1 รอบ 60 ปี ทำหน้าที่เฝ้าดูแลชะตาชีวิตมวลสรรพสัตว์ ด้วยแห่งอำนาจบารมีของพระองค์ท่านจะสามารถดลบันดาลให้คุณหรือให้โทษต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือจะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายเภทภัย หรือจะประทานความสุขสิริมงคลมากหรือน้อยประการใด ก็ขึ้นอยู่กับพระกรุณาและพระเมตตาของพระองค์ท่าน ซึ่งในปี พ.ศ.2559 นี้ จะตรงกับรอบปีขององค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ที่ทรงพระนามว่า “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง)
 ย่อมจะส่งผล กระทบโดยตรงต่อ 4 ปีราศีเกิดดังต่อไปนี้

1. ปีขาล (ชงเต็ม100%)        ปีเกิดปะทะกับปีจรวอกโดยตรง ส่งผลให้ได้รับบาปเคราะห์เต็มๆ หากชะตาตกอาจถึงชีวิต มีเกณฑ์ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บถึงเลือดตกยางออก ร่างกายจะเจ็บป่วย ถูกคนปองร้าย จิตใจว้าวุ่น กลุ้ม วุ่นวาย ธุรกิจมีอุปสรรค เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น

2. ปีวอก (ชง 75%)                ปีเกิดทับกับปีจรวอก ส่งผลให้มีเกณฑ์จะพบประสบภัย ได้ทุกขลาภ เสียทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เพื่อนฝูงคนสนิทจะเอารัดเอาเปรียบ ไม่ควรเดินทางไกล

3. ปีมะเส็ง (ชง 50%)         ปีเกิด 刑 (เฮ้ง) และ 破 (ผั่ว)กับปีจรวอก ส่งผลให้มีแต่คนคอยกลั่นแกล้ง จนเกิดการแตกหัก ทำให้ชีวิตพบแต่เรื่องวุ่นวายรำคาญใจ

4. ปีกุน (ชง 25%)                ปีเกิด 害 (ไห่) กับปีจรวอก ส่งผลให้ยากที่จะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหา พาลให้ความมั่นคงในชีวิต เริ่มมีความเปราะบางเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 10 รอบอายุปีเกิดที่มีผลกระทบโดยตรงในปี พ.ศ.2559 นี้ คือ

1.   ท่านที่มีอายุ 93 ปี เกิดปี พ.ศ.2466    癸亥   (ปีกุน ราศีบนธาตุน้ำ)

2.   ท่านที่มีอายุ 84 ปี เกิดปี พ.ศ.2475   壬申   (ปีวอก ราศีบนธาตุน้ำ)

3.   ท่านที่มีอายุ 75 ปี เกิดปี พ.ศ.2484   辛巳   (ปีมะเส็ง ราศีบนธาตุทอง)

4.   ท่านที่มีอายุ 66 ปี เกิดปี พ.ศ.2493    庚寅   (ปีขาล ราศีบนธาตุทอง)

5.   ท่านที่มีอายุ 60 ปี เกิดปี พ.ศ.2499    丙申   (ปีวอก ราศีบนธาตุไฟ)

6.   ท่านที่มีอายุ 51 ปี เกิดปี พ.ศ.2508   乙巳   (ปีมะเส็ง ราศีบนธาตุไม้)

7.   ท่านที่มีอายุ 42 ปี เกิดปี พ.ศ.2517    甲寅   (ปีขาล ราศีบนธาตุไม้)

8.   ท่านที่มีอายุ 33 ปี เกิดปี พ.ศ.2526   癸亥   (ปีกุน ราศีบนธาตุน้ำ)

9.   ท่านที่มีอายุ 24 ปี เกิดปี พ.ศ.2535    壬申   (ปีวอก ราศีบนธาตุน้ำ)

10.   ท่านที่มีอายุ 15 ปี เกิดปี พ.ศ.2544   辛巳   (ปีมะเส็ง ราศีบนธาตุทอง)

ท่านที่มีรอบอายุใน 10 ปีเกิดดังที่กล่าวมาข้างต้น ในปี พ.ศ.2559 นี้ เป็นปีที่องค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง) ตรงกับเจ้าพิธี หรือที่ชาวจีนเรียกขานกันว่า 太歲壓祭主 (ไท้ส่วยเฮี๊ยบจี่จู้) ดังนั้นจึงควรจะหลีกเลี่ยงการเป็นเจ้าภาพ เจ้าพิธี หรือเข้าร่วมพิธีงานศพ หากไม่สามารถละเว้นได้ก็ควรงดการส่งศพ หรือห้ามดูพิธีฝังศพ เพราะจะนำพาซึ่งความอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาสู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อองค์เทพเจ้า “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง)  太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปีนี้อีกด้วย

นอกเหนือจาก 10 รอบปีเกิดข้างต้นนี้แล้ว ท่านที่เกิดปีขาล ปีวอก ปีมะเส็ง และปีกุนรอบอายุอื่นๆ ก็ควรนอบน้อมกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปีนี้ด้วยเช่นกัน เหตุเพราะพระองค์ท่านเปรียบเสมือนดั่งผู้ดูแลชะตาอันเป็นมงคลแห่งชีวิต หากได้ถวายความน้อมนอบเคารพบูชาก็จะสามารถรอดพ้นจากความโชคร้ายภัยเวรต่างๆตลอดทั้งปีพ.ศ.2559 นี้หลักธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติทุกๆปีตามความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์จีนโบราณ จะทำการฝากดวงชะตาต่อองค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ผู้ซึ่งคุ้มครองดวงชะตาประจำในแต่ละปีจร จะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนลงมายังโลกมนุษย์ โดยจะมี 60 องค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ตามหลักวัฎจักรวงจร 六十甲子 (หลักจับกะจื้อ) ประจำในแต่ละปีจนครบ 1 รอบ 60 ปี ทำหน้าที่เฝ้าดูแลชะตาชีวิตมวลสรรพสัตว์ ด้วยแห่งอำนาจบารมีของพระองค์ท่านจะสามารถดลบันดาลให้คุณหรือให้โทษต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือจะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายเภทภัย หรือจะประทานความสุขสิริมงคลมากหรือน้อยประการใด ก็ขึ้นอยู่กับพระกรุณาและพระเมตตาของพระองค์ท่าน ซึ่งในปี พ.ศ.2559 นี้ จะตรงกับรอบปีขององค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ที่ทรงพระนามว่า “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง) ย่อมจะส่งผล กระทบโดยตรงต่อ 4 ปีราศีเกิดดังที่กล่าวมา


ท่านที่มีรอบอายุใน 10 ปีเกิดดังที่กล่าวมาข้างต้น ในปี พ.ศ.2559 นี้ เป็นปีที่องค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง) ตรงกับเจ้าพิธี หรือที่ชาวจีนเรียกขานกันว่า 太歲壓祭主 (ไท้ส่วยเฮี๊ยบจี่จู้) ดังนั้นจึงควรจะหลีกเลี่ยงการเป็นเจ้าภาพ เจ้าพิธี หรือเข้าร่วมพิธีงานศพ หากไม่สามารถละเว้นได้ก็ควรงดการส่งศพ หรือห้ามดูพิธีฝังศพ เพราะจะนำพาซึ่งความอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาสู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อองค์เทพเจ้า “管仲大將軍” (กวงต๊งไต่เจียงกุง)  太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปีนี้อีกด้วย

นอกเหนือจาก 10 รอบปีเกิดข้างต้นนี้แล้ว ท่านที่เกิดปีขาล ปีวอก ปีมะเส็ง และปีกุนรอบอายุอื่นๆ ก็ควรนอบน้อมกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้า 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปีนี้ด้วยเช่นกัน เหตุเพราะพระองค์ท่านเปรียบเสมือนดั่งผู้ดูแลชะตาอันเป็นมงคลแห่งชีวิต หากได้ถวายความน้อมนอบเคารพบูชาก็จะสามารถรอดพ้นจากความโชคร้ายภัยเวรต่างๆตลอดทั้งปีพ.ศ.2559 นี้

ฤกษ์ขอเงินและขอพรพระจันทร์ 2558


1. เดือนมกราคม      ตรงกับวันอังคารที่ 20 ม.ค. เวลา 20.16 น.
2. เดือนกุมภาพันธ์   ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.พ. เวลา 06.48 น.
3. เดือนมีนาคม       ตรงกับวันศุกร์ที่ 20 มี.ค. เวลา 16.37 น.
4. เดือนเมษายน      ตรงกับวันอาทิตย์ที่19 เม.ย. เวลา 01.58 น.
5. เดือนพฤษภาคม   ตรงกับวันจันทร์ที่ 18 พ.ค. เวลา 11.15 น.
6. เดือนมิถุนายน      ตรงกับวันอังคารที่ 16 มิ.ย. เวลา 21.06 น.
7. เดือนกรกฏาคม    ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ค. เวลา 08.25 น.
8. เดือนสิงหาคม      ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 ส.ค. เวลา 21.55 น.
9. เดือนกันยายน      ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ย. เวลา 13.44 น.
10.เดือนตุลาคม       ตรงกับวันอังคารที่ 13 ต.ค. เวลา 07.07 น.
11.เดือนพฤศจิกายน  ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ย. เวลา 00.48 น.
12.เดือนธันวาคม     ตรงกับวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค. เวลา 17.31 น.

ฤกษ์ขอเงินและขอพรพระจันทร์ 2557

ฤกษ์ขอเงินพระจันทร์ จันทร์ในปี 2557
อมาวสี หรือ “เกิดจุดจันทร์ดับ” ปี 2557 มี 13 ครั้ง คือ...
1. วันที่ 1 ม.ค. เวลา 17.36 น., 
2. วันที่ 31 ม.ค. เวลา 04.47 น., 
3. วันที่ 1 มี.ค. เวลา 15.09 น., 
4. วันที่ 31 มี.ค. เวลา 01.46 น., 
5. วันที่ 29 เม.ย. เวลา 13.01 น. (มีสุริยุปราคาวงแหวนด้วย), 
6. วันที่ 29 พ.ค. เวลา 01.15 น., 
7. วันที่ 27 มิ.ย. เวลา 14.42 น., 
8. วันที่ 27 ก.ค. เวลา 05.46 น., 
9. วันที่ 25 ส.ค. เวลา 21.29 น.,
10. วันที่ 24 ก.ย. เวลา 13.21 น., 
11. วันที่ 24 ต.ค. เวลา 04.48 น. (มีสุริยุปราคาวงแหวนด้วย), 
12. วันที่ 22 พ.ย. เวลา 19.01 น.,  
13. วันที่ 22 ธ.ค. เวลา 08.29 น.เป็นฤกษ์สุดท้ายของปีนี้
ทั้งนี้ ความเชื่อเรื่อง “ขอเงินจันทร์” นั้น เชื่อกันมาแต่โบราณกาล เชื่อว่าวันที่เหมาะจะขอคือ วันอมาวสี หรือวันนิวมูน ส่วนการ “ขอพรจันทร์” วันที่เหมาะจะขอคือ “วันปุรณมี” หรือ “วันฟูลมูน” ซึ่ง อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้ระบุถึงวันอมาวสี และหลักการขอเงินจันทร์ ไว้ว่า...
“วันอมาวสี” หรือ “วันจันทร์ดับ” คือวันที่มีการ “เกิดจุดจันทร์ดับ” จากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ในขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยดวงจันทร์จะโคจรเร็วกว่าดวงอาทิตย์ คือใช้เวลาโคจรราศีละ 2 วันครึ่ง ส่วนดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปในจักรราศี โดยใช้เวลาราศีละประมาณ 30 วัน เมื่อมองจากโลกจะเห็นดวงจันทร์โคจรไล่ล่าดวงอาทิตย์ ซึ่ง ในจุดที่ดวงจันทร์โคจรกุมดวงอาทิตย์สนิทองศา สนิทลิปดา สนิทฟิลิปดา ในราศีเดียวกัน ตามตำแหน่งเส้นลองจิจูด ในเวลาใด ณ เวลานั้นจะเรียกว่า “เวลาอมาวสี”
วันอมาวสี ’เป็นวันแรง“ เป็นวันที่ควรสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม ซึ่ง วันอมาวสีจะแรงมากที่สุดถ้าเป็นอมาวสีที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ส่วนสุริยุปราคาวงแหวน สุริยุปราคาบางส่วน ก็จะมีอิทธิพลลดหลั่นกันลงมา
อมาวสีในทางบุคลาธิษฐาน เป็นวันที่ฟ้าเปิด คือ สวรรค์ มนุษย์ และบาดาล เปิดพร้อมกัน โดยได้มีการนำวันเวลาอมาวสีไปเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องการขอพรพระจันทร์ โดยเฉพาะ “ขอเงินจันทร์” ซึ่งความเชื่อนี้ก็เป็นความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณ ดังเพลงพื้นบ้าน “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกงฯ...”
“วิธีขอเงินจันทร์ที่ถูกต้อง” ตามความเชื่อนี้ อ.ภิญโญ แนะไว้ว่า...ขอได้ภายในช่วงเวลาก่อนหรือหลังเกิดจุดจันทร์ดับ-อมาวสี 8-12 ชั่วโมง โดยเริ่มที่จุดธูปเทียนบูชา ใช้ธูป 15 ดอก (ตามกำลังดาวจันทร์) เทียน 2 เล่ม พร้อมเตรียมดอกไม้มงคล 2 หรือ 4 หรือ 5 หรือ 9 หรือ 15 อย่าง ตามแต่สะดวก พนมมือเหนืออก หลับตาตั้งจิตใจให้แน่วแน่ว่าเราจะขอจากพระจันทร์ โดยกล่าวบทสวดชุมนุมเทวดา บูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 สวดมนต์บทที่รู้หรือใช้อยู่บ่อย ๆ เพื่อทำ
ให้จิตสงบเป็นสมาธิ หากเจริญพระปริตร บท “อภยปริตร” ได้ ให้สวด 15 จบ จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นแนะนำตัวเองต่อเทวดาพระจันทร์ และเทพยดาทั้งหลาย ว่า...
“ข้าพเจ้าชื่อ...นามสกุล...เพศ...เกิดวันที่...เดือน...พ.ศ. ...อายุ...เชื้อชาติ...สัญชาติ...ศาสนา...บิดาชื่อ...นามสกุล...มารดาชื่อ...นามสกุล...ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่...ถนน...ตรอก/ซอย...ตำบล/แขวง...อำเภอ/เขต...จังหวัด...มีความจำเป็นจึงต้องทำพิธีขอจากพระจันทร์”
แล้วก็นำกระเป๋าเงินที่เตรียมไว้ ที่เตรียมโดย นำเงินเท่าที่หามาได้มากที่สุดใส่กระเป๋าเงินที่ใช้ประจำ เก็บไว้ตลอดวัน โดยวางไว้บนพานหรือภาชนะที่เหมาะสมหน้าพระพุทธรูปหรือพระเครื่อง ห้ามนำเงินนี้ไปใช้ ห้ามให้ใครยืม อย่าให้ใครทวงหนี้ เงินที่จำเป็นต้องใช้ให้แยกเตรียมไว้ก่อนต่างหาก นำกระเป๋าเงินนี้มาอธิษฐาน จินตนาการสิ่งที่ต้องการ แล้วกล่าวคำขอว่า...“ขอให้การดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เท่าที่ฟ้ากำหนดให้ข้าพเจ้าเกิดมา” จากนั้นกล่าวคำอธิษฐาน ขอตามที่ต้องการ แต่ต้องเป็นไปได้ อยู่ในกรอบเหตุผล ไม่ขัดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี ต้องตั้งความปรารถนาเพื่อตนเองเท่านั้น ขอแทนผู้อื่นไม่ได้ ขอได้ 3-5 ข้อ อย่างมากห้ามเกิน 8 ข้อ และต้องเก็บคำอธิษฐานเป็นความลับ ด้วยความเชื่อมั่นตั้งใจที่ดี
“อมาวสีนี้ ปกติจะเป็นช่วงวันพระใหญ่ที่สำคัญของพุทธศาสนิกชน ก็ควรทำบุญตักบาตรตอนเช้าด้วย หรือถวายสังฆทานก็ได้ ควร รับศีล 5 มายึดถือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา ปฏิบัติตามหลักธรรม บำเพ็ญภาวนา ทำบุญกุศลกันอย่างเต็มที่ มีการให้ทาน ปล่อยชีวิตสัตว์ ประการสำคัญคือต้องระวังรักษาจิตใจให้ผ่องใสเป็นไปในทางที่ดีงามเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ควรสร้างอารมณ์จิตใจไปในทางที่ดีงาม ทำใจให้สบายปลอดโปร่ง คิดทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ให้ระลึกว่า ช่วงนี้ เป็นช่วงสำคัญที่เราจะขอจากพระจันทร์ อย่ามีปัญหาหรือทะเลาะเบาะแว้งกับใครเด็ดขาด พยายามอย่าให้มีเหตุการณ์ใดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์ที่ดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นจะมีอิทธิพลดำรงอยู่ไปอีก 1 เดือนเต็ม จนถึงอมาวสีในเดือนถัดไป”...อ.ภิญโญ แนะไว้
ส่วน “วันปุรณมี” เชื่อว่า “ทำน้ำมนต์ได้ศักดิ์สิทธิ์”และยังเป็นวันดีที่จะ ’ขอพรจากพระจันทร์เพื่อเป็นมงคลชีวิต“
วันปุรณมี ’เป็นวันมงคล“ เป็นวันที่ควรจะสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมงคล ซึ่งแต่โบราณมาก็มีการประกอบพิธีกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีการตั้งจิตอธิษฐานขอพรต่าง ๆ อันเป็นมงคล จากพระจันทร์
ปุรณมี เป็นวันที่หากทำน้ำมนต์ในคืนจันทร์เพ็ญเชื่อว่าจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ช่วยด้าน “ขอพรให้ชีวิต” ทำการใดสำเร็จสมปรารถนา มีโชคชัยมงคล ประสบชัยชนะ เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย รอดพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ เพราะเป็นวันที่โลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ โคจรมากุมและเล็งกัน
ปุรณมี หรือการ “เกิดจุดจันทร์เพ็ญ” ในปี 2557 นี้จะมี 12 ครั้ง ดังนี้คือ... 
1. วันที่ 16 ม.ค. เวลา 11.35 น., 
2.วันที่ 15 ก.พ. เวลา 06.42 น., 
3. วันที่ 17 มี.ค. เวลา 00.03 น., 
4. วันที่ 15 เม.ย. เวลา 14.20 น. (มีจันทรุปราคาเต็มดวงด้วย), 
5. วันที่ 15 พ.ค. เวลา 01.46 น., 
6. วันที่ 13 มิ.ย. เวลา 11.04 น.,
7. วันที่ 12 ก.ค. เวลา 18.03 น., 
8. วันที่ 11 ส.ค. เวลา 01.07 น., 
9. วันที่ 9 ก.ย. เวลา 08.35 น.,
10. วันที่ 8 ต.ค. เวลา 17.30 น. (มีจันทรุปราคาเต็มดวงด้วย),
11.วันที่7 พ.ย. เวลา 04.57 น. และ
12.วันที่ 6 ธ.ค. เวลา 18.58 น.
ทั้งนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุถึง “วันปุรณมี” หรือ “วันจันทร์เพ็ญ” ไว้ว่า...คือวันที่ “เกิดจุดจันทร์เพ็ญ” จากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เมื่อมองจากโลกจะเห็นดวงจันทร์โคจรไล่ล่าดวงอาทิตย์ เมื่อดวงจันทร์ไล่ได้ครึ่งทาง คือครึ่งจักรราศี ก็จะเล็งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ทำมุม 180 องศากับดวงอาทิตย์ ในราศีตรงข้าม ซึ่งในทุกเดือน ในจุดที่ดวงจันทร์โคจรเข้าเล็งดวงอาทิตย์ในราศีตรงข้าม ตามตำแหน่งเส้นลองจิจูด ในเวลาใด ณ เวลานั้นเรียกว่า “เวลาปุรณมี”
จันทร์เพ็ญ-ปุรณมีนั้น ทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุไว้ว่า...ใน 1 ปี มี 12 ครั้ง เพราะใน 1 ปี มี 12 เดือน โดยใน 1 เดือน จะมีวันจันทร์เพ็ญเพียงวันเดียว ซึ่งเมื่อพิจารณากันแล้ว ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ได้ว่า ช่วง เพ็ญเดือน 12 หรือวันลอยกระทง เป็นช่วงวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในการทำน้ำมนต์ แต่หากไม่สะดวก ไม่สามารถทำในวันเพ็ญเดือน 12 ก็ใช้เพ็ญเดือนอื่น ๆ เป็นวันทำน้ำมนต์ได้ โดยยึดตามวันที่มีการเกิดจุดจันทร์เพ็ญ ที่อาจตรงหรือไม่ตรงกับ 15 ค่ำก็ได้ (กรณีที่อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับ 15 ค่ำก็ได้นี้ รวมถึงกรณีของวันจันทร์ดับด้วย) และช่วง เพ็ญมาฆะ เพ็ญวิสาขะ และเพ็ญอาสาฬหะ ก็ทำน้ำมนต์ได้ศักดิ์สิทธิ์มากเช่นกัน
“วิธี-พิธีทำน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ” นั้น มีคำแนะนำขั้นตอนปฏิบัติ ดังต่อไปนี้คือ...
เริ่มจาก ต้องคิดดีทำดี แล้วก็... 1.เตรียมสถานที่อันโล่งกว้างอยู่กลางแจ้ง เป็นสถานที่ที่ไม่อยู่ใต้ร่มไม้หรือเงามืดของสิ่งกีดขวาง หรือมีนกกาบินผ่าน, 2.เตรียมบาตรทำน้ำมนต์หรือขันทำน้ำมนต์ขนาดใหญ่พอสมควร, 3.เตรียมน้ำฝนหรือน้ำบริสุทธิ์สำหรับใช้ในการทำน้ำมนต์, 4.นำน้ำฝนหรือน้ำบริสุทธิ์มาใส่ลงในบาตรทำน้ำมนต์หรือขันทำน้ำมนต์
5.นำบาตรหรือขันทำน้ำมนต์ที่บรรจุน้ำแล้วไปวางที่สถานที่กลางแจ้งที่เตรียมไว้ เน้นว่าสำคัญคือต้องวางไว้กลางแจ้ง อย่าวางไว้ใต้เงาร่มไม้ หรือเงาสิ่งปลูกสร้าง หรือเงาสิ่งกีดขวางต่าง ๆ หรือมีนกกาหรือเครื่องบินบินผ่าน, 6.วันเวลาที่วางบาตรหรือขันทำน้ำมนต์คือ เวลาก่อนเที่ยงคืนของคืนจันทร์เพ็ญ
7.ก่อนเวลา 24.00 น. หรือ ก่อนเที่ยงคืนพอสมควร เริ่มทำพิธี จุดเทียนขาวที่ปากบาตรหรือขันทำน้ำมนต์ ให้น้ำตาเทียนหยดลงในน้ำ โดยท่องคาถากำกับ 9 จบ ซึ่งคาถากำกับมีว่า “...ปุณณจันโท วิชานันเต วิสุทธิสาวโก วโร พุทโธ สัมธัมมรังสี มุนโน มัตถเกสุกังฯ...” หรือสวดพระปริตรบท “อภยปริตร” เพิ่มด้วยก็ดี
8.เมื่อท่องคาถากำกับ (และอาจสวดพระปริตรเพิ่มด้วย) เสร็จแล้ว ก็ รอให้เงาดวงจันทร์ปรากฏในบาตรหรือขันทำน้ำมนต์อย่างชัดเจน และ 
9.ในบัดนั้น ให้ ตั้งจิตอธิษฐาน ’ขอพรจันทร์“ ตามที่ปรารถนา
คือขอพรจันทร์พร้อมทำ ’น้ำมนต์จันทร์เพ็ญ“
“สำหรับน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ ใช้ดื่มกินก็ได้ อาบก็ได้ รดศีรษะก็ได้ ประพรมก็ดี แต่ ควรใช้น้ำมนต์ทันทีหลังพิธีการทำเสร็จสิ้น แล้วจึงค่อยทำน้ำมนต์ใหม่ในวันเพ็ญเดือนต่อไป น้ำมนต์นี้เชื่อว่าช่วยบรรเทายามเจ็บไข้ ป้องกันอันตรายจากการเดินทาง เชื่อว่าเป็นสิริสวัสดิมงคลแก่ชีวิต ถ้าเป็นน้ำมนต์จันทร์เพ็ญเดือน 12 ซึ่งเชื่อว่ายิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดย 1 ปีทำได้ครั้งเดียว ทำไว้ดื่มกินก็ได้ อาบก็ได้ ประพรมศีรษะร่างกายก็ได้ หากยังเหลือ ก็เก็บไว้ใช้ได้ และรอจนถึงวันเพ็ญเดือน 12 ปีต่อไป ก็ค่อยทำน้ำมนต์จันทร์เพ็ญเดือน 12 อีก”...อ.ภิญโญ ระบุไว้
’ขอพรจันทร์“ นี่ก็เช่นเดียวกับ ’ขอเงินจันทร์“
’เชื่อแล้วคิดดีทำดี“ ชีวิตก็ย่อมจะพบสิ่งที่ดี!!!.

น้ำวีทกลาส คั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี แต่มีดีตรงที่รักษาโรคได้


ในช่วงหลายปีมานี้หลายท่านคงคุ้นหูกับน้ำวีทกราส (Wheat grass juice) เครื่องดื่มสีเขียวเข้ม มีขายทั้งแบบคั้นสด ผงสำเร็จรูปชงน้ำดื่ม และแบบสารสกัดบรรจุแคปซูล หรืออัดเม็ดให้เลือกรับประทาน ซึ่งเจ้าน้ำวีทกราสที่กล่าวถึงกันนี้ก็คือ น้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลีนั่นเอง จากการวิเคราะห์ปริมาณสารอาหารในต้นอ่อนข้าวสาลีพบว่า ประกอบด้วยคลอโรฟิลล์ถึงร้อยละ 70 นอกจากนั้นยังพบวิตามินเอ ซีและอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโนกว่า 17 ชนิด1
          เนื่องจากน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารมีสูตรโครงสร้างใกล้เคียงกับฮีม (heme) สารที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จนได้ชื่อว่าเป็น “เลือดสีเขียว (Green Blood)”1 มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์การเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดงของต้นอ่อนข้าวสาลีในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง พบว่าการรับประทานน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี วันละ 30 - 100 มล. หรือรับประทานสารสกัดจากต้นอ่อนข้าวสาลี วันละ 1,000 มก. ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินในเลือด ลดปริมาณการให้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Pack red cells) และลดจำนวนครั้งในการถ่ายเลือด (blood transfusion) ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเด็กที่มีภาวะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย2 ในผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดเบต้า (beta-thalassemia)3 และในผู้ป่วย myelodysplastic syndrome (ผู้ป่วยมีความผิดปกติของไขกระดูก ทำให้จำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ และอาจก่อให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว)4
          นอกจากนี้น้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลียังป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการได้รับเคมีบำบัดได้ดี โดยพบว่าในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รับประทานน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี วันละ 60 มล. ตลอดระยะเวลาการได้รับเคมีบำบัด ทั้ง 3 รอบ ช่วยป้องการเกิดภาวะโลหิตจาง (anemia) ได้ดี มีผลเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่อการตอบสนองการได้รับการรักษาจากเคมีบำบัดของผู้ป่วยและการศึกษาในผู้ป่วยในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ดื่มน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลีวันละ 30 มล. ติดต่อกัน 6 เดือน พบว่าช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน เกล็ดเลือด และเพิ่มภูมิต้านทานได้ดี ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น6
          การศึกษาฤทธิ์อื่นที่น่าสนใจ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในอาสาสมัครที่ได้รับสารก่ออนุมูลอิสระ BPA (biphenol-A) ผ่านทางสิ่งแวดล้อม เมื่อให้ดื่มน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี วันละ 100 มล. ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ พบว่าปริมาณสาร BPA ในปัสสาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแนวโน้มการลดลงของ BPA สัมพันธ์กับระยะเวลาที่ดื่มคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี7 และเมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างต้นอ่อนข้าวสาลีกับสาหร่ายสไปรูริน่า ซึ่งเป็นสาหร่ายที่อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์จากธรรมชาติเช่นเดียวกัน พบว่าการรับประทานแคปซูลต้นอ่อนข้าวสาลี ขนาด 500 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 30 วัน เพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณวิตามินซี การทำงานของเอนไซม์ superoxide dismutase และลดปริมาณ malondialdehyde ในเลือดของอาสาสมัครได้ดีกว่าการรับประทานสาหร่ายสไปรูริน่า เมื่อรับประทานในขนาดที่เท่ากัน8
          นอกจากนี้ยังพบว่าน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลีช่วยบรรเทาอาการของโรคลำไส้อักเสบได้ดี เมื่อให้ผู้ป่วยรับประทานวันละ 100 มล. ติดต่อกัน 1 เดือน ช่วยบรรเทาอาการโดยรวมของโรคให้ดีขึ้น ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้และความถี่ของการถ่ายเป็นเลือดอย่างมีนัยสำคัญ9
          จะเห็นได้ว่าน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลีมีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในแง่ของการเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในผุ้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง ป้องกันการเกิดอันตรายจากอนุมูลอิสระ และรักษาอาการลำไส้อักเสบ โดยไม่พบความเป็นพิษหรืออาการข้างเคียงใดๆ ในขนาดรับประทานวันละ 30-100 มล. หรือแคปซูลขนาด 1,000 มก. ในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ - 1 ปี แต่อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังการใช้ในเด็กอ่อน หรือสตรีมีครรภ์ เนื่องจากยังไม่มีรายงานด้านความปลอดภัย อีกทั้งน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลีจะมีกลิ่นเหม็นเขียวคล้ายหญ้า จึงอาจกระตุ้นให้เกิดการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นดังกล่าวได้
เอกสารอ้างอิง
  1. Padalia S, Drabu S, Raheja I, Gupta A, Dhamija M. Multitude potential of wheatgrass juice (Green Blood): An overview. Chron Young Sci 2010;1(2):23-8.
  2. Singh K, Pannu MS, Singh P, Singh J. Effect of wheat grass tablets on the frequency of blood transfusions in Thalassemia Major. Indian J Pediatr. 2010;77(1):90-1
  3. Marwaha RK, Bansal D, Kaur S, Trehan A. Wheat grass juice reduces transfusion requirement in patients with thalassemia major: A pilot study. Indian Pediatrics 2004; 41:716-20.
  4. Mukhopadhyay S, Basak J, Kar M, Mandal S, Mukhopadhyay A. The Role of Iron Chelation Activity of Wheat Grass Juice in Patients with Myelodysplastic Syndrome. J Clin Oncol 2009;27:15s, (suppl; abstr 7012)
  5. Bar-Sela G, Tsailic M, Fried G, Goldberg H. Wheat Grass Juice may improve Hematological Toxicity Related to Chemotherapy in Breast Cancer Patients: A Pilot Study. Nutr Cancer 2007;58(1):43-8.
  6. Dey S, Sarkar R, Ghosh P, et al. Effect of Wheat grass Juice in supportive care of terminally ill cancer patients- A tertiary cancer centre Experience from India. J of Clin Oncol 2006;18(1):8634
  7. Yi B, Kasai H, Lee HS, Kang Y, Park JY, Yang M. Inhibition by wheat sprout (Triticum aestivum) juice of bisphenol A-induced oxidative stress in young women. Mutat Res. 2011;18(724):64-8.
  8. Shyam R, Singh SN, Vats P, Singh VK, Bajaj R, Singh SB, Banerjee PK. Wheat grass supplementation decreases oxidative stress in healthy subjects: a comparative study with spirulina. J Altern Complement Med. 2007;13(8):789-91.
  9. Ben-Arye E, Goldin E, Wengrower D, Stamper A, Kohn R, Berry E, Wheat Grass Juice in the Treatment of Active Distal Ulcerative Colitis: A Randomized Double-blind Placebo-controlled Trial. Scand J Gastroenterol 2002;37(4):444-9.